วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Chiangmai Night Safari


     เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นสวนสัตว์กลางคืนในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 เป็นหน่วยงานของรัฐบาลดำเนินการก่อสร้างขึ้นในสมัยของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เพื่อต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างรายได้ของประเทศ โดยเพิ่มความหลากหลายของรูปแบบการท่องเที่ยว และยกระดับความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานโลกในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านธรรมชาติ ซึ่งจะก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่า และการเข้าถึงทรัพยากรสัตว์ป่าแก่เด็กนักเรียน เยาวชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว อันจะนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจและตระหนักต่อการอนุรักษ์สัตว์ป่าเหล่านี้ในธรรมชาติ รวมทั้งทำให้ท้องถิ่นมีรายได้จากกิจกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจการลงทุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นการสร้างโอกาสในการจ้างงานให้แก่แรงงานท้องถิ่น

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นการจัดสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มนุษย์จัดทำขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และในขณะเดียวกันจะเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า นำไปสู่การอนุรักษ์ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศไทยตลอดจนเป็นแหล่งจ้างงาน เป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น
ประกอบด้วยพื้นที่ใหญ่ ๆ โซน ได้แก่
South Zone อาณาจักรของผู้ถูกล่า เป็นส่วนแสดงสัตว์กินพืช สัตว์กีบ และสัตว์แอฟริกาที่หาชมได้ยาก โซนแห่งนี้ผู้ชมจะได้เพลิดเพลินไปในบรรยากาศทุ่งหญ้าซาวันนาแอฟริกา ชมสัตว์ประเภทที่ไม่มีอันตรายมากนัก เช่น ช้าง  ยีราฟ  ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส กระทิง  ละมั่ง เลียงผา  แรดขาว  วอเตอร์บัค  และจามรี   ละมั่ง  ซึ่งในการท่องเที่ยวในโซนนี้จะเป็นการเดินทางด้วยรถลาก มีลักษณะปิดโล่งเพื่อสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้อย่างเต็มที่ โดยรถ ขบวนจะมี ตอน และสามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้ 50 ที่นั่ง พร้อมทั้งผู้บรรยายทั้งภาษาไทยและอังกฤษ มีระยะทางกว่า2,432 เมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
North Zone จะเข้าสู่เขตพื้นที่ของผู้ล่า ผสมกับการนำสัตว์ผู้ถูกล่ามาไว้ในโซนนี้ ผู้ชมจะได้ผจญภัยไปกับการนั่งรถชมสัตว์ดุร้ายอย่างใกล้ชิด สนุกตื่นเต้นระทึกใจในทุกวินาทีกับภาพชีวิตของสัตว์ป่า อาทิ แร้งดำหิมาลัย สิงโต  เสือโคร่ง  เสือโคร่งขาว  หมีควาย  ไฮยีน่า และจระเข้เป็นต้น พาหนะที่ใช้จะเป็นรถที่มีส่วนเปิดโล่งสู่ภายนอกและมีระบบป้องกันอันตรายจากสัตว์ต่างๆ มีระยะทางกว่า 2.1 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
Walking Zone เป็นเส้นทางเดินชมสัตว์ป่าขนาดเล็กอยู่รอบบริเวณ ทะเลสาบ สวอนเลค ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร โซนแห่งนี้มีการจัดสวนไม้ป่า และไม้ดอก ที่รายล้อมอยู่ริมทาง และเน้นให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับการศึกษาธรรมชาติคือ สวนที่มีสัตว์เป็นองค์ประกอบ รวมทั้งมีสัตว์ต่างๆ 40 กว่าชนิด อาทินกฟลามิงโก้  ลิงกระรอก อุรังอุตัง  สมเสร็จ   ฮิปโปแคระ  ม้าแคระ  คาพิบาล่า  วาล่าบี  แมวดาว  เสือโคร่งขาว  เสือจากัวร์ และลีเมอร์ เป็นต้น เฉพาะโซนนี้สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ช่วงกลางวัน และยังสามารถเข้าชมในช่วงกลางคืนได้อีกด้วย
            Scenario Paintball เป็นโซนกิจกรรมเพนท์บอลที่มีสถานการณ์ให้เลือกเล่นหลากหลาย ทั้งแนวการรบ แนวเกมส์RPG ระเบิดขวันเสมือนจริง และอีกหลากหลายรูปแบบในสไตล์ที่ชื่นชอบ ซึ่งใช้สถานที่ในป่าธรรมชาติที่ร่มรื่นตลอดทั้งวัน ภายใต้ความปลอดภัยระดับสูง บนเนื้อที่กว่า25,000 ตารางเมตร








ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูในเว็ปไซต์ได้ที่

Royal Flora Ratchaphruek 2011

       งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ หรืองานพืชสวนโลกครั้งใหญ่แห่งปี 2554 นี้ กัน ระหว่าง วันที่  9 ธันวาคม 2554 ถึง วันที่ 15 มีนาคม 2555 เป็นระยะเวลา 99 วัน  ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปเที่ยวกันเยอะๆพืชสวนโลกครั้งนี้ จัดจริง ยิ่งใหญ่จริง ความตระการตาพืชพรรณนานาชนิด 

        สำหรับ วัตถุประสงค์หลักในการจัดงานมหกรรม พืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 3 วโรกาสสำคัญของคนไทย นั่นคือ ในปี 2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2555 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร จะทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ภายในงานจะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งจัดแสดงนิทรรศการเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการเกษตร พระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง ๆ ของทั้ง 3 พระองค์ และยังมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพในด้านเกษตรกรรมและเทคโนโลยี ด้านพืชสวน ของไทยที่มีความก้าวหน้าไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ อันจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ที่อยู่ในวงการวิชาชีพพืชสวนมีความรู้ประสบการณ์ เพื่อนำไปพัฒนาอาชีพของตนเองก้าวหน้ายิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มช่องทางการส่งออกผลิตภัณฑ์พืชสวนไทยสู่ตลาดโลก  

  นาย ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของ งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 2554 หรือ The International Horticultural Exposition: Royal Flora Ratchaphruek 2011 (งานพืชสวนโลก 2554)ว่า ได้มอบหมายให้ บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด ทำหน้าที่บริหารจัดการงาน การดำเนินการประชาสัมพันธ์งาน รวมทั้งการสร้างสรรค์กิจกรรมงานการแสดงต่างๆ โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บนพื้นที่ 470 ไร่ ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคา 2554 – 15 มีนาคา  2555 รวมระยะเวลา 99 วัน 
  สำหรับ กิจกรรมหลักๆ ใน งานพืชสวนโลก แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ นิทรรศการต่างๆ การประชุมทางวิชาการด้านพืชสวนระดับชาติและนานาชาติ และการจัดประกวดพืชสวนชนิดต่าง ๆ โดยในส่วนของนิทรรศการนั้น เช่น นิทรรศการใต้ร่มพระบารมี ๘๔ พรรษา มหาราชา เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพในด้านการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติของทั้ง 3 พระองค์ นิทรรศการสวนนานาชาติ ทั้งในอาคารและนอกอาคาร นิทรรศการด้านพืชสวนและเทคโนโลยีการเกษตรระดับชาติและนานาชาติ ที่ใช้แนวคิด 3Gs และ 3Rs 
          
       จุดเด่นของ งานพืชสวนโลก ในครั้งนี้ที่น่าสนใจ คือ กระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า Giant Flora Wheel สูงกว่า 40 เมตร เมื่อขึ้นไปแล้วสามารถชมทิวทัศน์ภายในบริเวณงานได้ทัหมด สวนแสงแห่งจินตนาการ Imagination Light Gardens โดยเนรมิตดวงไฟนับล้านดวงกับผีเสื้อเรืองแสงเต้นรำ พร้อมเสียงดนตรี และสวนเยาวชนรักษ์โลก Kids’ Eco Park เป็นนิทรรศการและกิจกรรมที่ให้ทั้งความรู้และความสนุกสนาน ปลูกฝังการลดโลกร้อนและรักธรรมชาติให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่




ติดต่อทีมงานพืชสวนโลกได้ที่
หรือ

Wat Phrathat Doi Suthep

           วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์และเป็นวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่รู้จักของประชาชนชาวไทยโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร อยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่



       องค์พระเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า ดอยสุเทพ แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของฤาษี มีนามว่า สุเทวะ เป็นภาษาบาลี มีความหมายว่า เทพเจ้าที่ดี ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า สุเทพ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงได้ ชื่อว่า ดอยสุเทพ ซึ่งมาจากชื่อของฤๅษี คือสุเทวะฤาษี

ตามประวัติได้แจ้งว่า เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 พระเจ้ากือนา ได้ทรงสร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารไว้บนยอด เขาดอยสุเทพ โดยได้นำเอาพระบรมธาตุ ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหาสวามี นำมาจากเมืองปางจา จังหวัดสุโขทัย บรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแล้ว ยังเป็นพระอารามหลวง 1 ใน 4 ของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย (พระอารามหลวงหมายถึง วัดที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเจาอยู่หัวฯ) ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารมาก เสมือนหนึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาแต่โบราณกาล

ในสมัยก่อน การขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน เพราะไม่มีถนนสะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ทางเดินก็แคบๆ และ ไม่ราบเรียบ ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร และปีนเขาต้องใช้เวลายาวนานถึง 5ชั่วโมงกว่า จนมีคำกล่าวขานกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า ถ้าไม่มีพลังบุญและศรัทธาเลื่อมใสจริงๆ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
ในปี พ.ศ.2477 (ค.ศ.1934) ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย มาจากวัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน เป็นผู้เริ่มดำเนินการสร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ โดยมีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยนั้น เป็นผู้เริ่มขุดดินด้วยจอบเป็นปฐมฤกษ์ ตรงที่หน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ปัจจุบัน ใกล้ๆ กับบริเวณน้ำตกห้วยแก้ว โดยเริ่มสร้างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477

 บันใดนาค เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของวัดพระธาตุดอยสุเทพ มีความงดงามทางด้านศิลปะที่ทรงคุณค่า และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวผู้มานมัสการพระบรมธาตุ มักจะต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่ด้านของบันใดนาค ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามและมีเสน่ห์เมื่อมองขึ้นไปตามขั้นใด นักท่องเที่ยวที่มาเยือนครั้งแรก มักจะเดิน ขึ้นหรือเดินลงบันใดนาคเสมอ แต่ส่วนใหญ่มักจะเดินลง ส่วนตอนขึ้นนั้นมักจะขึ้นทางลิฟท์หรือรถรางไฟฟ้า

บันไดนาค วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2453 - 2463

          ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร

ขอขอบคุณ